เมนู

15. อุตตราวิมาน


ว่าด้วยอุตตราวิมาน


[15] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทวดา ท่านมีวรรณะงาม ส่องแสงสว่าง
ไปทุกทิศ เหมือนกับดาวประกายพรึก เพราะบุญ
อะไร ท่านจึงมีวรรณะอย่างนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้
จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิด
แก่ท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ อนึ่ง วรรณะของ
ท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทวดานั้น ถูกพระโมคคัลลานเถระถามแล้ว
ดีใจ ได้พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

เมื่อดีฉันยังครองเรือนอยู่ ดีฉันไม่มีความริษยา
ไม่มีความตระหนี่ ไม่ตีเสมอ ไม่โกรธ อยู่ในโอวาท
ของสามี ไม่ประมาทเป็นนิจในวันอุโบสถ เข้าจำ
อุโบสถอันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ตลอดวัน
14 ค่ำ วัน 15 ค่ำ และวัน 8 ค่ำแห่งปักษ์ และ
ตลอดปาฏิหาริยปักษ์ [ วันรับวันส่ง ] สำรวมในศีล
ระมัดระวังจำแนกทาน เข้าอยู่ประจำวิมาน เว้นจาก
ปาณาติบาต 1 งดเว้นจากความเป็นขโมย 1 ไม่ประ-


พฤติล่วงประเวณี 1 เว้นขาดจากการพูดเท็จ 1 ห่าง
ไกลจากการดื่มน้ำเมา 1 ยินดีในสิกขาบททั้ง 5 ดีฉัน
เป็นผู้ฉลาดในอริยสัจธรรม เป็นอุบาสิกาของพระ-
โคดมผู้มีพระจักษุทรงพระยศ ดีฉันนั้นเป็นผู้มียศโดย
ยศก็เพราะศีลของตนเอง ดิฉันได้เสวยผลแห่งบุญ
ของตนอยู่ จึงสุขใจสุขกายไร้โรค เพราะบุญนั้น
ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผู้นี้จึงสำเร็จ
แก่ดีฉัน โภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้
เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ อนึ่ง
วรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

ก็แลเทพธิดาสั่งความว่า ท่านเจ้าข้า ขอท่านได้กรุณานำความไป
กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าตามคำของดีฉันด้วยเถิดว่า นางอุตตรา-
อุบาสิกา ขอถวายบังคมพระบาทยุคลของพระผู้มีพระเจ้าด้วยเศียรเกล้า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพึงทรงพยากรณ์ดีฉัน ใน
สามัญผลอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ไม่น่าอัศจรรย์เลย เพราะพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงพยากรณ์ดีฉันไว้ในสกทาคามิผลนั้นแล้ว.
จบอุตตราวิมาน

อรรถกถาอุตตราวิมาน


อุตตราวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น. อุตตรา-
วิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน
กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น บุรุษเข็ญใจ ชื่อปุณณะ อาศัยราชคฤหเศรษฐี
เลี้ยงชีพอยู่. ภริยาของเขาชื่อว่าอุตตรา. หญิงที่เป็นคนในเรือน ชื่อว่า
อุตตรา มี 2 คน รวมทั้งธิดา [ ของเขาด้วย ] ต่อมาวันหนึ่ง เขาโฆษณา
ว่า มหาชนในกรุงราชคฤห์ควรเล่นนักษัตร 7 วัน. เศรษฐีฟังเรื่องนั้น
แล้ว พูดกะปุณณะซึ่งมาแต่เช้าว่า พ่อเอ๋ย คนใกล้บ้านเรือนเคียงของเรา
ประสงค์จะเล่นนักษัตรกัน เจ้าเล่าจักเล่นนักษัตรหรือจักทำงานรับจ้าง.
ปุณณะตอบว่า นายท่าน ธรรมดางานนักษัตร ก็สำหรับคนมีทรัพย์ดอก
ขอรับ. ส่วนในเรือนของกระผม ไม่มีแม้แต่ทรัพย์และข้าวสารที่จะกิน
ในวันพรุ่งนี้ กระผมไม่ต้องการงานนักษัตร ได้โคก็จักไปไถนา. เศรษฐี
กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ก็จงรับเอาโคไป. เขารับเอาโคงานและไถจ้างงาน
ไป กล่าวกะภริยาว่า แม่นาง ชาวเมืองเล่นงานนักษัตรกัน เพราะเป็น
คนจน ฉันก็ต้องไปทำงานรับจ้าง เจ้าหุงต้มอาหารเป็น 2 เท่าในวันนี้
ก่อนแล้วค่อยนำไปให้ฉันนะ แล้วก็ไปนา.
แม้ท่านพระสารีบุตรเถระ เข้านิโรธสมาบัติ 7 วันแล้ว ออกจาก
นิโรธสมาบัตินั้น สำรวจดูว่า วันนี้ เราควรจะสงเคราะห์ใครเล่าหนอ
ก็เห็นปุณณะเข้าอยู่ในข่าย คือญาณของตน ใคร่ครวญดูว่า ปุณณะผู้นี้
มีศรัทธาอาจสงเคราะห์เราไหมหนอ ก็รู้ว่า เขามีศรัทธาสามารถสงเคราะห์
ได้ และเขาจะได้มหาสมบัติ เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย จึงถือบาตรจีวร